ข่าวสารและบทความ

9 ขั้นตอนเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้านกาแฟ

9 ขั้นตอนเตรียมพร้อมก่อนเปิดร้านกาแฟ

การลงทุนเปิดร้านกาแฟยังคงเป็นธุรกิจที่นิยม ซึ่งปัจจุบันก็มี ร้านกาแฟบรรยากาศน่านั่ง รสชาติดีมากมาย ทำให้มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นแบบแฟรนไชส์ หรือแบบเปิดเอง ซึ่งหลาย ๆ ร้านก็ยังสามารถเติบโต มีรายได้ที่ดีได้จากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ในขณะที่หลายร้าน ไม่สามารถไปต่อได้ ดังนั้นก่อนเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟ จึงควรศึกษาข้อมูลและมีการวางแผนจัดเตรียมอย่างรอบคอบ เจมาร์ท ประกันภัย  แนะนำ 9 ขั้นตอนการเตรียมพร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟมาฝาก เพื่อเป็นอีกตัวช่วยสำหรับผู้ที่ใฝ่ฝันอยากมีร้านกาแฟค่ะ

1. งบประมาณ

ก่อนอื่นคุณควรสำรวจว่าอยากเปิดร้านแบบไหน ต้องใช้งบเท่าไหร่ และต้องคำนวณเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 10% ของการลงทุนไว้ด้วยนะคะ ซึ่งต้องพิจารณาประกอบกันไปว่า งบที่คุณมีอยู่หรือสามารถหามาได้ จะสามารถทำได้แค่ไหน โดยถ้าเป็นแบบแฟรนไชส์ คุณจะสามารถประมาณงบได้ง่าย แต่ถ้าเปิดเองโอกาสทำกำไรก็สูงขึ้น แต่ก็ต้องเตรียมการมากหน่อย ซึ่งรูปแบบร้านกาแฟโดยทั่วไปนั้น สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน ขึ้นอยู่กับว่าเปิดที่ไหน ขนาดเท่าไหร่ ตกแต่งอย่างไร มีบริการอะไรบ้าง

2. ทำเลที่ตั้งและกลุ่มเป้าหมาย

การเลือกทำเลจะต้องพิจารณาประกอบกับงบประมาณด้วยเช่นกัน โดยคุณควรไปสำรวจด้วยตัวเอง และใช้เวลาในการสำรวจให้เพียงพอที่จะรู้ได้ว่า ทำเลดังกล่าวมีคนพลุกพล่านหรือไม่ หรือมีกลุ่มเป้าหมายของเราหรือไม่ สำหรับไอเดียทำเลที่น่าสนใจโดยทั่วไป ควรเป็นที่ที่มีคนเดินทางผ่านไปมาอยู่ตลอด อย่างเช่น โรงพยาบาล สถานศึกษา ใต้คอนโด ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ตึกสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ตลาด ฯลฯ นอกจากนี้ควรศึกษากฎระเบียบของแต่ละสถานที่ด้วยว่ามีข้อบังคับหรือข้อจำกัดอะไรหรือไม่ เช่น ในห้างสรรพสินค้า หรือตึกสำนักงาน จะต้องเปิด-ปิดร้านตามเวลาหรือไม่ หรือมีค่าส่วนกลางใด ๆ หรือไม่ และอีกสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาคือ มีคู่แข่งอยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ หากมีจะทำให้แตกต่างได้อย่างไร

3. เมนูที่เป็นจุดขาย

การเลือกเมนูที่ตรงกับความสนใจหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าทำเลอยู่ใกล้บริษัทห้างร้าน มีกาแฟรสชาติดี ๆ แล้วก็ควรมีของว่าง อาหารกลางวัน หรืออาหารสุขภาพขายด้วย หรือกรณีถ้าเป็นสถานศึกษา เครื่องดื่มและขนมแปลกใหม่ ก็เป็นสิ่งดึงดูดความสนใจได้ดี และยิ่งไปกว่านั้นคือร้านของคุณควรจะต้องมีเมนูพิเศษที่คุณคิดค้นสร้างสรรค์ขึ้นมาเองได้ หรือมีข้อได้เปรียบที่คุณสามารถทำเมนูนี้ได้โดยคนอื่นยากที่จะเลียนแบบ ซึ่งจะเป็นการลดโอกาสแข่งขันจากเจ้าอื่นได้ นอกจากนี้อาหารต่าง ๆ ในร้านจะต้องมีความสดใหม่ ถูกสุขอนามัย และมีการจัดรูปแบบแพคเกจที่สวยงาม ทั้งนี้ควรคำนึงถึงงบประมาณและความยากง่ายในการจัดการเมนูต่าง ๆ เหล่านี้ด้วยนะคะ คือพิจารณาให้มีความเป็นไปได้ ไม่ลำบากจนเกินจัดการ 

4. คัดเลือกวัตถุดิบ

การคัดเลือกวัตถุดิบต่าง ๆ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเป็นไปได้คุณควรศึกษาหรือเข้าเรียนคอร์สชงกาแฟ เพื่อจะเข้าใจและสามารถเลือกสรรเมล็ดกาแฟที่จะดึงดูดลูกค้าได้ ตลอดจนเมนูอื่น ๆ ที่คุณคิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม อาหาร หรือเบเกอรี่ หากเป็นร้านเล็ก ๆ คุณอาจรับอาหารหรือขนมจากแหล่งอื่นมาขายก็ได้ แต่หากคุณต้องการสร้างเอกลักษณ์และชื่อเสียงให้กับร้าน คุณควรศึกษาทั้งวิธีการประกอบอาหาร ตลอดจนการค้นหาแหล่งวัตถุดิบที่ดี และหากคุณสามารถหาวัตถุดิบที่มีความพิเศษทางใดทางหนึ่งได้ เช่นวัตถุดิบที่ดีแต่ได้มาในราคาถูก หรือวัตถุดิบที่ดีแต่คู่แข่งยังไม่รู้จัก คุณก็จะสามารถสร้างข้อได้เปรียบให้กับกิจการของคุณได้  

5. เตรียมอุปกรณ์

หากคุณลงทุนเปิดร้านแบบแฟรนไชส์ ข้อนี้ก็จะง่ายสำหรับคุณ เพราะแฟรนไชส์จะจัดหาทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในร้าน ตลอดจนจัดการตลาดให้กับเราด้วย แต่หากลงทุนเอง หลังจากที่หาข้อมูล จัดเตรียมเมนู ศึกษาวิธีการประกอบอาหารเมนูต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว คุณก็จะต้องสำรวจราคาหาอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ซึ่งโดยทั่วไป ในการจัดซื้อ หากซื้อครั้งเดียวพร้อมกัน คุณจะได้ส่วนลดมากกว่าที่จะทยอยซื้อทีละครั้ง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องคำนวณให้อยู่ในงบประมาณที่คุณเตรียมไว้ด้วยนะคะ

6. เตรียมพนักงาน

อีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ร้านกาแฟของคุณประสบความสำเร็จคือ พนักงานของร้านค่ะ โดยคุณควรเตรียมจัดจ้างพนักงานให้เพียงพอกับปริมาณงาน และจะต้องเป็นพนักงานที่มีคุณภาพ โดยต้องอบรมพนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจในสินค้าและบริการ และมีทักษะตรงกับงานที่จะทำ นอกจากนี้ ยังต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่รักบริการ ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อเป็นตัวแทนและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับร้าน และสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้ นอกจากนี้คุณอาจส่งพนักงานไปอบรมในส่วนของการประกอบอาหารเพิ่มเติมด้วยค่ะ

7. สร้างภาพลักษณ์

ร้านของคุณควรมีเอกลักษณ์หรือภาพลักษณ์ที่ชัดเจนและน่าสนใจ ซึ่งทำได้จากหลายส่วนประกอบกัน เช่น

  • การตั้งชื่อร้านที่น่าสนใจและสามารถสื่อสไตล์ของร้านได้
  • การตกแต่งร้านอย่างมีสไตล์ ในงบที่สามารถทำได้
  • การออกแบบชุดฟอร์มของพนักงาน
  • การใช้โลโก้บนบรรจุภัณฑ์อาหารต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก้วเครื่องดื่ม กระดาษทิชชู่ หรือ กล่องอาหาร
  • สิ่งอำนวยความสะดวกของร้าน ที่จะช่วยสร้างให้เกิดความสะดวกสบายพร้อมทั้งสร้างภาพลักษณ์ได้ เช่นการมี wifi บริการ พร้อมทั้งสื่อถึงความทันสมัย
  • การเลือกเพลงเพิ่มบรรยากาศ

8. วางระบบ

นอกจากการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว การจัดระบบร้านก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณควรคิดระบบหรือขั้นตอนของการดำเนินการทุกส่วนภายในร้านอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ ของร้านดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะยิ่งวางระบบไว้อย่างละเอียดยิ่งลดข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนการประกอบอาหาร ขั้นตอนการขาย การจัดเก็บสต๊อก การบันทึกสต๊อก การดูแลพนักงาน ฯลฯ

9. วางแผนการตลาด

เมื่อมีสิ่งจำเป็นทั้งหมดในการเปิดร้านกาแฟของคุณแล้ว อีกขั้นตอนสำคัญก่อนเปิดร้านกาแฟของคุณก็คือการทำการตลาด หรือประชาสัมพันธ์ร้านของคุณให้เป็นที่รู้จัก โดยวิธีที่ได้ผลดีก็คือสื่อโซเชียลต่าง ๆ นอกจากนี้คุณสามารถทำโปรโมชั่น ผ่านทั้งสื่อโซเชียล หรือ ประชาสัมพันธ์ร้านของคุณด้วยป้ายต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียงกับร้านของคุณได้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มเปิดร้าน คุณจะต้องทำให้คนได้รู้จักรสชาติเครื่องดื่มและอาหารของร้านให้ได้มากและเร็วที่สุด เช่น โปรลดราคา ซื้อ 1 แถม 1 หรือบัตรสะสมแต้มเพื่อแลกเครื่องดื่มหรือของรางวัล ดังนั้นคุณจะต้องศึกษาวิธีการและกันงบในการทำการตลาดไว้ด้วย

 

เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อย คุณก็พร้อมจะเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ประสบความสำเร็จแล้วและยังมีอีกสิ่งที่ เจมาร์ท ประกันภัย ขอเสนอเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับร้านกาแฟของคุณ นั่นก็คือ ประกันร้านค้า SME SMART PLAN ราคาเริ่มต้น 1,402.77 บาทต่อปี ที่รวบรวมประกันหลากหลายประเภทมาอยู่ในแพ็กเกจเดียว อาทิเช่น ประกันอัคคีภัย และทรัพย์สินที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ ประกันโจรกรรม ประกันภัยสำหรับกระจกที่ติดตั้งภายในร้าน หรือแม้กระทั่งประกันภัยสำหรับบุคคลภายนอกที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นภายในร้านค้า สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @Jaymartinsurance หรือ โทร 02 099 0555 ต่อ 4262

 

By Jaymart Content Team : Riya